วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558





C'est Moi


                                  ♪ ♩ ♭ Bonjour

Moi , e'est piyamon  Je suis thaïlandaise J'ai seize ans

 Je suissympathique  je sus amusante

J'ai les eux noirs et j'ai les cheueux noirs 

Je perte un t-shirt blanc, un jean et des tennis marron


⊙ω⊙


วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หนึ่งหนังในความทรงจำ

 
 
หากพูดถึงภาพยนต์แล้วทุกๆคนต้องมีภาพยนต์เรื่องโปรดที่อยู่ในใจใช่ไหมละคะ
 
เราก็มีอยู่เรื่องหนึ่งในใจเหมือนกัน
 
เป็นภาพยนต์ของค่ายหนังดังที่สร้างฝันให้เด็กมาแล้วทั่วโลก
 
ภาพยนต์เรื่องนั่นก็คือ...
 


 
ในช่วง ต้นปี 56 วอลท์ ดิสนีย์


ได้นำเรื่องราวของตัวเองว่าด้วยเรื่องภารกิจขอซื้อลิขสิทธิ์ "แมรี่ ป๊อปปิ้นส์" ไปสร้างเป็นหนัง

 ซึ่งกว่าจะมาเป็น  "แมรี่ ป๊อปปิ้นส์" ฉบับภาพยนต์

 วอลท์ ดิสนีย์(รับบทโดยทอม แฮงค์)จำเป็นอย่างมากที่จะต้องซื้อใจ

 คุณนักเขียนหรือ P.L. Travers(รับบทโดยเอ็มม่า ทอมสัน) ให้ได้เสียก่อน

โดยเริ่มเรื่องจากความทรงจำในวัยเด็กของคุณนักเขียน

 พ่อของเธอทำงานที่ธนาคารแต่ถูกย้ายไปสาขาอื่นเธอ แม่ และน้อง อีก 2 คนจึงจำเป็นต้องย้ายบ้าน

 
 
จากนั้นก็กลับมาปัจจุบัน นายหน้าของเธอต้องการให้เธอขายลิขสิทธิ์ แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ให้ คุณวอลท์
 
(เพราะสภาพการเงินที่ย่ำแย่ของเธอ) แต่เธอกลับปฏิเสธ ด้วยเห็นผลที่ว่า แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ไม่ได้มีไว้ขาย
 
นายหน้าของเธอจึงพยายามหวานล้อมอย่างสุดความสามารถจนในที่สุดเธอตอบตกลง 
 
ด้วยเหตุนี้เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง
 
 
เมื่อเธอมาถึงลอสแองเจลิสเธอได้เจอกลับคนขับรถชั่วคราวของเธอ
 
(ซึ่งภายหลังทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน)
 
หลังจากที่เธอพบ คุณวอลท์ เรื่องกลหนก็เกิดขึ้นมามายทั้งการเขียนบทที่ต้องเขียนในแบบเธอต้องการ
 
ภาพลักษณ์ของตัวละคร สีที่ห้ามใส่ เพลงที่ใช้ คนแสดงหรือแม้แต่เอฟเฟคการ์ตูน
 
คุณวอลท์ได้พยายามเปิดใจของเธอทุกวิถีทาง จนในที่สุดเธอก็เริ่มเปิดใจที่ละนิด แต่ในขณะที่ทุกอย่าง
 
 
 
 
 
เหมือนจะไปได้สวย เธอกลับเปลี่ยนใจ(ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการทำหนัง)เธอจึงตัดสินใจกลับอังกฤษ
 
โดยที่การสร้าง  "แมรี่ ป๊อปปิ้นส์" ฉบับภาพยนต์ ยังไม่เสร็จ
 
 
หลังจากที่เธอกลับไปแล้วคุณวอลท์ก็พบว่าแท้จริงแล้วแมรี่ ป๊อปปิ๊นส์คือเรื่องราววัยเด็กของเธอ
 
คุณวอลท์ไปหาเธอที่บ้านและเราเรื่องราววัยเด็กของเขาให้เธอฟัง เขาได้ไขปมที่อยู่ในใจของเธอ
 
เขาได้ให้สัญญาแล้วกลับไป จากนั้นแมรี่ ป๊อปปิ๊นส์ก็ได้เป็นหนังเสร็จสมบูรณ์ แน่นอนเธอก็ไปดูด้วย และ
 
แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างแฮปปี้เอ็น
 
 
 
 
 
:)

 
  

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

La Fête Nationale

 
 
 
  Bastille Day
 
 
 
 
 
           วันชาติฝรั่งเศสตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฎิวัติการปกครองจากระบบเจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองแบบยุกโบราณจนกระทั้งได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกจากบุกเข้าทลายคุก Bastille ที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชน เมื่อ 209 ปีก่อนและนำไปสู่การล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฏหมายฉบับใหม่ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์ ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล(ระบบศักดินา) จากนั้นต่อมาจึงมีการจัดงานฉลองแห่งชาติขึ้นเรียกว่า “The Feast of the Federation” เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์จลาจลที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่ “Champs-de-Mars” ในกรุงปารีสแต่พอหลังจากนั้นการจัดงานฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2332 ก็ต้องหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงไม่สงบเกิดสงครามปฏิวัติขึ้นหลายครั้งในช่วงระยะเวลาปี พ.ศ.2335-2345 และมาในสมัย “the Third Republic”นี้เอง รัฐบาลจึงได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ โดยมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2423 ขึ้นมา ซึ่งกำหนดให้วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็น “วันชาติฝรั่งเศส”และได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งแรกขึ้นในปีเดียวกันนั้น
          
         ทั้งนี้งานจะเริ่มตั้งแต่ค่ำของวันที่ 13 โดยจะมีการแห่คบเพลิงและล่วงเข้าวันรุ่งขึ้นเมื่อระฆังตามโบสถ์วิหารต่าง ๆ หรือเสียงปืนดังขึ้นนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่างานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ เริ่มจากริ้วขบวนการสวนสนามของเหล่าทัพ จากนั้นเมื่อถึงช่วงเวลากลางวันประชาชนจะร่วมฉลองด้วยการเต้นรำอย่างรื่นเริงสนุกสนานไปตามท้องถนนและมีการจัดเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริกจนถึงเวลาค่ำ ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการจุดพลและการละเล่นดอกไม้ไฟที่ถือประเพณีปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสิ่งสร้างความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศทั้งการจัดการแข่งขันกีฬา การจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า โดยไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดจะละเลยไม่นึกถึงและร่วมฉลองในวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศครั้งนี้ 
 
 

                                                                     La Maseillaise
                                                                                                                                                                                                                                                                                                
                                                        Allons, enfants de la Patrie,
                                                        Le jour de gloire est arrive,
                                                       Contre nous de la tyrannie
                                                       L’etendard sanglant est leve,
                                                       L’etendard sanglant est leve.
                                                       Entendez-vous, dans le campagnes,
                                                      Mugir ces feroces soldats?
                                                      Ils viennent jusque dans nos bras,
                                                      Egorger nos fils, nos compagnes.
                                                      Aux armes, citoyens!
                                                      Formez vos bataillons
                                                      Marchons! Marchons!
                                                      Qu’un sang impur
                                                      Abreuve nos sillons


วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ราชินีบูรณะ(ประวัติ)





 
ราชินีบูรณะ
 
โรงเรียนราชินีบูรณะ (Rachineeburana School) ตั้งอยู่ใน ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ก่อตั้งครั้งแรกใน พ.ศ. 2457 โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่า "สตรีวิทยา"  โรงเรียนราชินีบูรณะเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกในมณฑลนครไชยศรี ที่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะขึ้น
 
 
 
ประวัติ
 
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง องค์ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนราชินีบูรณะ
โรงเรียนราชินีบูรณะก่อตั้งครั้งแรกใน พ.ศ. 2457 โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่า "สตรีวิทยา" จากนั้นในปี พ.ศ. 2460 โรงเรียนได้ถูกเพลิงไหม้ จึงได้ย้ายสถานศึกษามาอยู่ที่เรือนพักกองเสือป่า ในภายหลัง เจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร (ชม สุนทราชุน) ผู้เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลผู้สำเร็จราชการมณฑลนครชัยศรี ได้ให้คุณหญิงทองอยู่ สุนทราชุน ผู้เป็นภรรยา เข้ารับพระราชทานทรัพย์ พร้อมที่ดินจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระพันปีหลวง มาสร้างโรงเรียนรวมถึงอาคารเรียนตามแปลนของกระทรวงธรรมการในสมัยนั้น และจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2462 โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เสด็จแทนพระองค์ และพระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โรงเรียนราชินีบูรณะ" นับแต่นั้นเป็นต้นมา
เนื่องด้วยมีนักเรียนเพิ่มขึ้นในทุกปี
 พ.ศ. 2477 พระยาพิพิธอำพลวิมลภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จึงได้เริ่มสร้างอาคารไม้ชั้นเดียว และเปิดใช้ ณ วันที่ 18 ตุลาคม
พ.ศ. 2478 โดยใช้ชื่อ "เรือนพิพิธอำพลบูรณะ"
พ.ศ. 2497 ได้ใช้ทุนบำรุงการศึกษาต่อเติมชั้นล่างเพิ่มอีก 5 ห้อง
พ.ศ. 2497 ได้ใช้เงินบำรุงการศึกษาต่อเติม ชั้นล่างขึ้นอีก 5 ห้อง รวมเป็น 10 ห้องเรียน และได้ซื้อที่ดินเพิ่มด้านตะวันออก อีก 1 ไร่ 25 ตารางวา เป็นเงิน 45,000 บาท โดยได้รับพระราชทานเงินจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เป็นเงิน 3,500 บาท รวมกับเงินบริจาคของศิษย์ทุกรุ่น โรงเรียนจึงได้จัดสร้างอาคารเรียนเพิ่มขึ้น
พ.ศ. 2499 ผู้ปกครองนักเรียนพร้อมใจกันบริจาคเงินต่อเติมโรงอาหาร ต่อมาได้สร้างอาคาร 2 ชั้น มีห้องเรียน 6 ห้อง ขึ้นใหม่ โดยได้รับบริจาคจากนางทิมและนางสาวละออง ประพันธสิริ เป็นเงิน 140,000 บาท สร้างอาคาร มีชื่อว่า "เรือน ทิม-ละออง ประพันธสิริ" ปัจจุบัน เรือน"ทิม-ละออง ประพันธสิริ" ทำการรื้อถอนเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ 4 ชั้น นอกจากนี้ นางทิมยังได้กรุณามอบพันธบัตร เป็นเงิน 100,000 บาท เพื่อจัดตั้งเป็นมูลนิธิเก็บดอกผลเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กยากจน ให้ชื่อว่า "มูลนิธิทิม-ละออง ประพันธสิริ อนุสรณ์"
พ.ศ. 2502 ได้ก่อตั้งสมาคมผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่าราชินีบูรณะ โดยมีนายวิจิตร นิลพันธ์ เป็นนายกสมาคมฯ คนแรก
พ.ศ. 2515 ได้ซื้อที่ดินด้านติดถนนคตกฤช อีก 97 ตารางวา
พ.ศ. 2526 สร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ 4 ชั้น โดยรื้อถอนอาคารเดิมทั้งหมด คงอนุรักษ์ไว้แต่อาคารศรีพัชรินทร์ และในปีงบประมาณ 2528 ได้ต่อเติมอาคารเรียนแบบพิเศษ
พ.ศ. 2528 การพัฒนาโรงเรียนเป็นไปตามลำดับ แต่เนื่องจากคณะศรีพัชรินทร์ มีบริเวณคับแคบ ยากแก่การบริหารหลักสูตร ด้วยความสนับสนุนของสมาคมผู้ปกครอง ครูและศิษย์เก่าราชินีบูรณะ และผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จึงตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่มอีก 4 ไร่มูลค่ารวมค่าชดเชยบ้าน 22 หลัง เป็นเงิน 8 ล้าน 2 แสนบาท ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของผู้อำนวยการยุพิน ดุษิยามี โครงการซื้อที่ดินก็สำเร็จสมความมุ่งหวังของทุกคน และได้สร้างอาคารเอนกประสงค์ ขึ้น 1 หลัง
พ.ศ. 2538 ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2538 และวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2538 เวลา 10.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงเปิดพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ณ โรงเรียนราชินีบูรณะ
พ.ศ. 2539 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเสด็จมาพระราชทานทุนสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ แก่นักเรียนในพระอุปถัมภ์ ณ โรงเรียนราชินีบูรณะ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และในปีนี้มีการก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ 5 ชั้น และบ้านพักผู้บริหาร
พ.ศ. 2543 สร้างอาคารเรียน 2 หลัง คือ อาคารสุนทร-ทัศนีย์ เทียนทอง และอาคารเรียนแบบพิเศษ 5 ชั้น ภายใต้การริเริ่มและการหาทุนจัดสร้างโดย ผู้อำนวยการ สิริยุพา ศกุนตะเสฐียร
 
 
 
 
 
ตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน
 
คำขวัญ
 
 เรียนดี มีวินัย น้ำใจงาม พร้อมความเป็นไทย
 
 

คติธรรม

ปญฺญา หิ เสฏฐา กุสลา วทนฺติ
(คนฉลาดกล่าวว่า ปัญญาประเสริฐสุด)
 
สีประจำโรงเรียน
 
    
หมายถึง พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียน เป็นสีที่บ่งบอกถึงความหนักแน่น ความมั่นคง
     
หมายถึง การมีจิตใจที่พิสุทธิ์สะอาด รักความยุติธรรม
 
ดอกไม้ประจำโรงเรียน
 



ดอกราชาวดี
 

ต้นไม้ประจำโรงเรียน
 

ต้นราชาวดี แต่จะมีต้นไม้ที่นักเรียนทุกคนรักคือ ต้นจามจุรี
 
สุดท้ายนี้



สถาบันการศึกษาน่านิยม อยู่ใกล้องค์พระปฐมเจดีย์ใหญ่
บรรดาศิษย์ราชินีฯ ควรดีใจ ที่ได้เป็น หนึ่งในราชินีฯ
 
 
ม.ล. ปิ่น       มาลากุล
 
 
 
 
 
 
 
 

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Polar bear

 

หมีขาว หรือ หมีขั้วโลก

 
 เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในอันดับสัตว์กินเนื้อ (Carnivora) จัดเป็นหมีชนิดหนึ่ง
 
 
 

ลักษณะและที่อยู่อาศัย

 
หมีขาว ถือได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อบนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากหมีกริซลีย์ (U. arctos horribilis) (บางข้อมูลจัดให้เป็นที่ 1) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ ตัวผู้เต็มวัยอาจสูงได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักตัวอาจมากได้ถึง 350–680 กิโลกรัม (770–1,500 ปอนด์) อายุขัยโดยเฉลี่ย 30 ปี หมีขาวมีรูปร่างที่แตกต่างจากหมีชนิดอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ มีส่วนคอที่ยาวกว่า ขณะที่ใบหูก็มีขนาดเล็ก อุ้งเท้ามีขนาดใหญ่ และที่เป็นจุดเด่นเห็นได้ชัด คือ สีขนที่เป็นสีขาวครีมอมเหลืองอ่อน ๆ อันเป็นที่มาของชื่อเรียก เนื่องจากผลของเกลือในน้ำทะเล ซึ่งขนสีครีมนี้ทำให้พรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี
 
 
หมีขาวกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะซีกโลกทางเหนือ บริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้น จัดได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้ อุ้งเท้าของหมีขาวมีขนรองช่วยให้ไม่ลื่นไถลไปกับความลื่นของพื้นน้ำแข็ง หมีขาวถือเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลมาก โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการนั่งบนแผ่นหรือก้อนน้ำแข็งลอยตามน้ำไป หรือไม่ก็ว่ายน้ำหรือดำน้ำไป ซึ่งหมีขาวจัดเป็นหมีที่ว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก โดยใช้ขาหน้าพุ้ย หรือบางครั้งก็ใช้ทั้ง 4 ขา เคยมีผู้พบหมีขาวว่ายอยู่ในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 200 ไมล์
 
 
หมีขาว เป็นหมีที่ถือได้ว่ากินอาหารมากกว่าหมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาหารของหมีขาวมีมากมาย เช่น แมวน้ำ หรือ วอลรัส ด้วยการย่องเข้าไปเงียบ ๆ หรือหลบซ่อนตัวตามก้อนหินหรือก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้แล้วบางครั้งยังอาจจับนกทะเล ทั้งไข่และลูกนก บางครั้งก็จับปลากิน หรืออาจจะกินซากของวาฬที่ตายเกยตื้น หรือแม้แต่ซากหมีขาวด้วยกันหรือลูกหมีที่ตายได้ด้วย


 
 

วิถีชีวิต

 
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวในเขตอาร์กติก (ราวเดือนธันวาคม–มกราคม) ดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ จนไม่ปรากฏอีกเลยที่เส้นขอบฟ้าตลอดฤดูกาล ซึ่งช่วงเวลานี้นับได้ว่าเป็นช่วงที่หฤโหดที่สุดในภูมิภาคนี้ เพราะไม่มีแสงสว่าง กลางวันจะมืดเหมือนกลางคืน อาหารก็ขาดแคลน พร้อมด้วยพายุหิมะติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน
 
หมีขาว ในช่วงเวลานี้จะเป็นเวลาที่ให้กำเนิดลูก โดยการขุดโพรงในน้ำแข็งหรือใต้ก้อนหิน เมื่อหิมะตกทับถมมา ผนังถ้ำจะหนาขึ้น และมีความอบอุ่นคล้ายกับอิกลูของชาวเอสกิโม แม่หมีจะคลอดลูกภายในถ้ำนั้น ลูกหมีเกิดใหม่จะมีความยาวราว 20 นิ้วเท่านั้น และมีน้ำหนักตัวไม่ถึงกิโลกรัมดี ซึ่งครั้งหนึ่ง แม่หมีจะออกลูกได้ราว 2 ตัว ในบางครั้งอาจมากถึง 4 ตัว ลูกหมีเกิดใหม่ตาจะยังไม่ลืม และยังไม่มีขนปกคลุมตามลำตัว และจะลืมตาได้เมื่ออายุราว 33 วัน แต่เลนส์ตาจะยังใช้การไม่ได้เต็มที่จนเมื่อมีอายุประมาณ 47 วัน และประสาทหูจะได้ยินเมื่ออายุ 26 วัน แต่จะใช้การได้ดีที่สุดเมื่ออายุได้ 3 เดือน เมื่อลูกหมีอายุเข้า 6 สัปดาห์ครึ่ง ก็ตรงกับช่วงระยะเวลาที่ผ่านพ้นฤดูหนาวพอดี
 
สำหรับแม่หมีในช่วงนี้จะไม่กินอาหารเลย แต่จะใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมไว้ แม้กระทั่งหมีตัวผู้ก็จะเข้าสู่ถ้ำเพื่อจำศีล เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว หิมะและน้ำแข็งเริ่มละลาย แสงแดดกลับมาอีกครั้ง (เดือนมีนาคม–เมษายน) ซึ่งในช่วงนี้ หมีตัวเต็มวัยอาจจะกินหญ้าหรือมอสส์ เป็นอาหารรองท้องได้ ลูกหมีจะหย่านม แม่หมีจะพาลูก ๆ ตระเวนไปในที่ต่าง ๆ เพื่อสอนวิธีการล่าเหยื่อให้ ลูกหมีจะอยู่กับแม่จนอายุได้ขวบกว่าหรือสองขวบ จากนั้นจะจากแม่ไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
 

สัญลักษณ์

 
หมีขาว ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศรัสเซีย





 see ya!

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีใส่ Code Youtube






วิธีใส่ Code Youtube
แบบ Autoplay





ขั้นแรก copy link มาจาก youtube  ก่อน

จากนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=QyefDLt4ZUk
ให้เอาเฉพาะหลัง v= มา


นำโค้ดนี้ใส่ในgedget

<embed src="http://www.youtube.com/v/เอาเฉพาะหลัง v= มาวางไว้ตรงนี้&autoplay=1;loop=1;playlist=เอาเฉพาะหลัง v= มาวางไว้ตรงนี้" width="0" height="0" />

แล้วกดบันทึกได้เลย!

เพียงเท่านี้เราก็จะมีเพลงเพราะๆในบล็อกของเราแล้ว





















***ถ้าไม่อยากให้โชว์ภาพ 
ให้ใส่ width="0" height="0"

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดี




welcome everybody!












 เคล็ดลับแสนง่ายช่วยให้ผิวสวยดูสุขภาพดี



ผักและผลไม้หลายชนิดก็มีสรรพคุณในการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แก่เราได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ว่าจะมีประโยชน์แต่การรับประทานเท่านั้นเราสามารถนำมาพอกผิวในบริเวณที่ไหม้เสียจากแสงแดดเพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้เช่นกัน






วันนี้ขอนำเสนอ ผิวสวยด้วยแตงกวาและมะเขือเทศ

สำหรับวิธีทำมีดังนี้




วัสดุที่ต้องเตรียม


1. แตงกวา 1 ลูก เลือกลูกขนาดพอดี นำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ

2. มะเขือเทศ 1 ลูก ล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ

สำหรับส่วนผสมทั้งสองอย่างควรกะปริมาณให้พอดีกับผิวที่เราต้องการพอกเพื่อฟื้นฟูสภาพ


วิธีในการทำ


ให้นำแตงกวาและมะเขือเทศที่หั่นไว้แล้วมาใส่ในเครื่องปั่นแล้วปั่นให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำมาพอกผิวบริเวณที่ไหม้แดด โดยให้พอกทิ้งไว้สักพักหรือประมาณ 15-20 นาที หรือถ้าคุณมีเวลาอาจจะปล่อยทิ้งไว้จนแห้งเลยก็ได้ จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ก็จะเป็นวิธีที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้เป็นอย่างดี


คราวนี้ใครที่ผิวถูกแสงแดดจนผิวไหม้เกรียมอย่าลืมนำสูตรฟื้นฟูสภาพผิวจากแสงแดดสูตรนี้ไปทดลองใช้กันดูนะคะ แต่ทางที่ดีทุกครั้งที่ต้องออกแดดก็อย่าลืมทาครีมกันแดดป้องกันกันเอาไว้ด้วย เพราะครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวคุณจากการไหม้แดดได้เป็นอย่างดี ยิ่งแสงแดดในบ้านค่อนข้างจะร้อนแรงถ้าไม่ทาครีมกันแดดก็รับรองได้เลยว่าทุกครั้งที่เจอแดดคุณจะต้องการมาฟื้นฟูสภาพผิวกันไปตลอดอย่างแน่นอน











See ya!